5 วิธีการฝึกให้ตนเองมีไหวพริบมากขึ้น

freedom

มีงานวิจัยหลายชิ้นบ่งชี้ว่า มนุษย์เราสามารถฝึกฝนตนเองเพื่อให้มีสติปัญญาไหวพริบมากขึ้นได้ แต่ก่อนจะไปถึงกระบวนการเหล่านั้น มีนักวิชาการจำนวนมากพบว่า สิ่งที่จะมาก่อนคือ ความมีสติ ซึ่งหากมีสิ่งนี้แล้ว คนผู้นั้นก็จะมีสติปัญญาและไหวพริบตามขึ้นไปด้วย

วันนี้เราเลยอยากแบ่งปันวิธีการดังกล่าว ซึ่งสามารถฝึกฝนได้ในชีวิตประจำวัน เหมาะจะใช้ในการสั่งสอนลูกหลาน แต่ข้อสำคัญคือ ควรต้องหมั่นฝึกฝนตนเองเป็นประจำ

  1. ฝึกนั่งสมาธิก่อนนอนเป็นประจำ มีงานศึกษาหลายชิ้นในโลกตะวันตกที่บ่งชี้ว่า การทำสมาธินำไปสู่สภาวะของจิตใจที่สงบนิ่ง ก่อให้เกิดปัญญาในการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ มีการพบว่าพระภิกษุสงฆ์ในทิเบต หมั่นฝึกฝนการนั่งสมาธิอย่างเคร่งครัด จะมีอย่างอายุค่อนข้างยืน ไม่ค่อยเจ็บป่วย หรือเจ็บป่วยยาก
  2. การอ่านหนังสือก่อนนอน เราจะเห็นในภาพยนตร์ตะวันตกหลายเรื่อง พวกเขามีวัฒนธรรมหรือค่านิยมอย่างหนึ่งคือ พ่อแม่จะต้องมานอนอ่านนิทานหรือหนังสือกล่อมลูกก่อนนอน ตัวเด็กๆเองก็จะเหมือนรู้หน้าที่ ก่อนนอนก็จะเรียกร้องให้พ่อแม่อ่านนิทานหรือหนังสือที่ชอบอะไรก็ได้ให้ฟังก่อนนอน แล้วจึงค่อยหลับไป มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยชี้ว่า นี่เป็นวิธีปลูกฝังความรักการอ่านที่ดีที่สุด แล้วควรเริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วย
  3. การทานอาหารเช้าที่เหมาะสม อาจจะดูไม่เกี่ยว แต่งานวิจัยจำนวนมากได้ชี้ว่า การรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะในตอนเช้า จะเป็นตัวกระตุ้นระบบการทำงานของสมองได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงระบบเผาผลาญ เส้นประสาท และอื่นๆในร่างกาย ข้อดีของมันประการหนึ่งสำหรับสาวๆทั้งหลายก็คือ การทานอาหารเช้า ช่วยควบคุมน้ำหนัก ไม่ทำให้เป็นโรคอ้วนได้เพราะมันจะกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งการทานอาหารเช้าก็จะช่วยให้ความอยากอาหารของคุณในตอนเที่ยงไม่ได้มากเกินไป ที่สำคัญคือ มันจะทำให้การเผาผลาญไขมันทำได้ดีขึ้น แล้วยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลายอย่าง เช่น ไมเกรน โรคกระเพาะ ความดันโลหิต ฯลฯ แต่ที่ตรงประเด็นที่สุด เห็นจะไม่พ้นเรื่องที่ช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น เพราะมีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงได้เพียงพอ โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนและวัยรุ่น ควรต้องทานอาหารเช้า ซึ่งจะช่วยให้ระบบความจำทำงานได้ดีด้วย
  4. ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เรียกง่ายๆว่าให้เกิดการเผาผลาญไขมันในร่างกายทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น แต่ไม่ควรดึกหรือหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว การออกกำลังกายที่พอเหมาะจะช่วยให้การเผาผลาญดี และกระตุ้นเซลล์สมอง หรือสรุปได้ว่า พยายามเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันให้มากๆ

5. เมื่อมีสติจากสมาธิ ระบบการทำงานในร่างกายดีขึ้นจากทั้งหมดว่ามา ข้อสำคัญที่ไม่แพ้กันคือ การพักผ่อนให้เพียงพอและเหมาะสม นอนไม่ดึกเกินไป และตื่นเช้า เวลานอนไม่ควรเกินเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะในช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง จะเป็นช่วงที่ระบบการทำงานในร่างกายบางอย่างจะหยุดพัก ถ้าได้นอนพักผ่อนในช่วงนั้นมา ก็เท่ากับร่างกายได้มีโอกาสซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมถึงระบบประสาท สมอง ได้พักผ่อนเพียงพอ ก็จะช่วยให้การทำงานดีขึ้นได้นั่นเอง